15 ป่าน่าเที่ยว ที่มีทั้งความสวยงามและความพิศวง
15 ป่าน่าเที่ยวจากทั่วโลก ที่มีความสวยงามแต่ยังแฝงไปด้วยบรรยากาศน่าขนลุก ว่าแต่จะมีที่ไหนบ้าง มาชมพร้อม ๆ กันเลย


การท่องเที่ยวไปยังแหล่งธรรมชาติอย่างเช่น "ป่าไม้" ย่อมนำความสดชื่นให้ผู้มาเยือนได้เสมอ เพราะนอกจากจากความร่มรื่นแล้วเรายังจะสดชื่นไปกับสีเขียวขจีของแมกไม้ เว้นเสียแต่ว่าคุณจะได้มาเยือน 15 ป่าไม้ที่เรานำมาให้ชมกัน จากเว็บไซต์ lifehack ซึ่งเป็นป่าไม้ที่มีความสวยงามแต่ยังแฝงไปด้วยบรรยากาศน่าขนลุก ว่าแต่จะมีที่ไหนบ้าง มาชมพร้อม ๆ กันเลย


เป็นที่รู้กันกันดีว่า ครุ๊ก ฟอเรสต์ เป็นป่าสนทึบซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของประเทศโปแลนด์ ว่ากันว่ามันถูกปลูกในสมัยที่เยอรมณีเข้ามาครอบครองโปแลนด์ เอกลักษณ์ของผืนป่าแห่งนี้ คือ ต้นสนที่มีลักษณะโค้งงอ โดยบริเวณลำต้นส่วนล่างนั้นจะงอไปด้านหน้าประมาณ 90 องศา ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจว่าทำไมมันถึงมีรูปร่างเช่นนี้ โดยมันจะเริ่มโค้งงอเมื่อต้นสนมีอายุราว 7-10 ปี นอกจากนี้บรรยากาศโดยรอบยังส่งให้มันเป็นป่าสุดวังเวงที่รับรองว่ารายไหนรายนั้นที่พบเห็นจะต้องขนลุกแน่นอน


ป่าอาโอกิกาฮาระ เป็นป่าที่อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือด้านข้างภูเขาไฟฟูจิ มันเป็นป่าที่มืดและทึบ และมันยังเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นสถานที่ฆ่าตัวตายยอดฮิตของญี่ปุ่น โดยในปี ค.ศ. 1998 เจ้าหน้าที่พบศพกว่า 73 ศพ ทั่วบริเวณป่า และอีก 78 ศพ ในปี ค.ศ. 2002 รวมทั้งในปี ค.ศ. 2004 ที่พบศพมากกว่าร้อยศพ และหลังจากนั้นก็มีการพบศพเรื่อย ๆ มันจึงถูกเรียกว่าเป็นป่าอาถรรพ์ของญี่ปุ่น ซึ่งบางคนก็กล่าวว่าเมื่อเข้าไปในป่ามันจะรู้สึกราวกับมีมนตร์สะกดให้ผู้คนคิดอะไรชั่ววูบกระทั่งฆ่าตัวตาย บ้างก็บอกว่าเพราะความเงียบและลึกลับมากกว่าที่ทำให้คนที่กำลังคิดฆ่าตัวตายเลือกสถานที่นี้เป็นที่จบชีวิต จะอย่างไรก็ตามแต่ป่าอาโอกิกาฮาระยังคงเป็นสถานที่ซึ่งจะทำให้คุณสยองไม่น้อย


อุบัติภัยเชอร์โนบิลส่งผลกระทบไปยังพื้นที่บริเวณกว้างในยูเครน รวมทั้งป่าเรด ฟอเรสต์ ด้วย ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเนื่องจากอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 10 กิโลเมตรเท่านั้น โดยรังสีได้แผ่เข้ามาปกคลุมป่าอันเขียวขจีให้กลายเป็นสีน้ำตาลแดง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อที่เรียกกัน และแน่นอนว่าหลังเกิดเหตุร้ายแรงดังกล่าวผู้คนได้อพยพออกจากพื้นที่ใกล้เคียงทั้งหมด และบางคนที่หนีไม่ทันหรือเป็นโรคร้ายก็จบชีวิตลงบริเวณนี้ มันจึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่สุดสะพรึงที่ไม่ได้น่ากลัวแค่สิ่งลี้ลับเท่านั้น แต่ยังคงน่ากลัวด้วยรังสีอันตรายที่ยังคงมีอยู่ทุกวันนี้


ภาพจาก amazingxinjiang
Luntai Huyang Poplar เป็นป่าที่เต็มไปด้วยต้น Poplar ซึ่งมีความหมายตามภาษา Uygur ว่าเป็นต้นไม้ที่มีความสวยงาม และก็เป็นจริงเช่นนั้น เนื่องจากมันมีรูปร่างที่สวยงามแปลกตาอีกทั้งในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี สีของมันจะค่อย ๆ เปลี่ยนจากเขียวเป็นส้ม ที่สำคัญมันยังทนต่อทุกสภาพอากาศอีกด้วย ซึ่งนอกจากความสวยงามแล้วมันยังมีความน่ากลัวเบา ๆ ในยามที่ลมพัดแรงที่ใบไม้ค่อย ๆ ร่วงลงจากต้น ซึ่งให้ความรู้สึกราวกับว่ามันกำลังสั่นไล่มนุษย์อย่างไรอย่างนั้นเลย แต่ถ้าหากไปเที่ยวเป็นหมู่คณะละก็ความน่ากลัวจะเปลี่ยนเป็นความโรแมนติกและสดใสขึ้นมาทันที ดังนั้น หากคุณเป็นคนขี้กลัวหรือขี้ตกใจ เราขอแนะนำว่าให้ไปกับเพื่อน ๆ จะดีกว่านะ


สหรัฐอเมริกา คือ หนึ่งในประเทศที่มีผืนป่าซึ่งใกล้สูญพันธุ์ และหนึ่งในนั้น คือ เขตพืชพรรณธรรมชาติในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ซึ่งมีต้นไม้ยักษ์อย่าง ต้นเรดวูด (Redwood) ซึ่งถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วย โดยมีความสูงถึง 115.5 เมตรเลยทีเดียว เรียกว่าหากเข้าไปอยู่ในนี้ละก็คุณจะกลายเป็นมนุษย์ตัวจิ๋วทันที โดยป่าเรดวูดอาจไม่ได้มีบรรยากาศน่าขนลุกสักเท่าไร แต่มันจะให้ความรู้สึกราวกับว่าคุณกำลังผจญภัยในเมืองยักษ์มากกว่า ที่สำคัญยังเป็นต้นไม้อีกชนิดที่มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ หากใครอยากไปเห็นกับตาสักครั้งก็ต้องรีบกันหน่อยนะคะ


Bwindi เป็นอีกป่าที่มีความน่าสนใจทั้งความอุดมสมบูรณ์ของป่ารวมทั้งสัตว์ป่าหายากหลายสายพันธุ์ มันจึงเป็นที่ซึ่งเรียกได้ว่ามีความหลากหลายทางระบบนิเวศน์มากที่สุดแห่งหนึ่งในแอฟริกาตะวันออก และองค์การยูเนสโกยังยกให้มันเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1994 ด้วย สำหรับใครที่เป็นนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ตัวยงก็ห้ามพลาดที่จะไปเยือนป่า Bwindi สักครั้ง โดยมันตั้งอยู่ในประเทศยูกันดานั่นเอง


อุทยานแห่งชาติโอลิมปิก ตั้งอยู่บนคาบมหาสมุทรโอลิกปิกในวอชิงตัน มันถูกฟื้นฟูครั้งใหญ่ในสมัยประธานาธิบดีธีโอดอร์ รูดสเวลต์ (Theodore Roosevelt) ในปี ค.ศ. 1938 กระทั่งถูกยกเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก นอกจากนี้มันยังมีลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายทั้งป่าฝน ธารน้ำแข็ง แม่น้ำ และที่ราบ มันจึงเป็นที่ซึ่งมีความสวยงามทางธรรมชาติซึ่งเหมาะแก่การพักผ่อน แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ มันยังเป็นที่อยู่ของชนเผ่า Quileute ซึ่งจะทำให้คุณได้เรียนรู้วัฒนธรรมอันหลากหลายไปพร้อมกับการซึมซับความงามของธรรมชาตินั่นเอง


ป่าดำในเยอรมณีเต็มไปด้วยป่าสนที่ขึ้นอย่างหนาแน่น หากมองในมุมสูงจะเห็นว่ามันเป็นเงาดำอยู่ในบริเวณกว้าง มันถูกค้นพบโดยนักเล่นสกีราว 130 ปีก่อน ซึ่งนอกจากจะโด่งดังในฐานะสถานที่สำหรับเล่นสกียอดฮิตแล้ว มันยังเป็นสถานที่ซึ่งขึ้นชื่อว่ามีความโรแมนติกมากที่สุดแห่งหนึ่งในบรรดาป่าไม้ต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาวที่ถูกภูเขากลายเป็นสีขาวด้วยการปกคลุมของหิมะ ทำให้เป็นสถานที่เหมาะสำหรับคู่รักที่อยากจะแวะเวียนมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์


ภาพจาก chinatouradvisors
เขตป่าสงวน Maolan มีจุดเด่นอยู่ที่หินปูนที่ถูกน้ำเซาะเป็นขั้น ๆ และยังมีแหล่งน้ำที่ใสน่าเล่น รวมทั้งแร่ธาตุมากมายที่อยู่ในน้ำแสดงให้เห็นว่ามันเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย อีกทั้งความงามยังอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้ค่อย ๆ ผลัดสีไล่เฉดกันอย่างสวยงาม และแน่นอนว่ามันยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่ผู้คนนิยมมาพักผ่อนหย่อนใจกันที่นี่ด้วย


ภาพจาก phantomsandmonsters
วงกลมปีศาจ ในป่านอร์ธแคโรไลนาเป็นที่กล่าวขานกันว่ามันเป็นที่อยู่ของปีศาจ ดังจะเห็นได้จากพื้นที่ซึ่งเป็นรูปวงกลมและมีร่องรอยการเหยียบย่ำวนอยู่บริเวณนั้น แต่นักวิทยาศาสตร์ก็พยายามหาเหตุผล โดยชี้แจงว่ามันเป็นเพียงการเสื่อมสลายของดินและจำนวนกรดที่มากเกินไปเท่านั้น อย่างไรก็ดีชาวบ้านก็เลือกที่จะเชื่อตำนานมากกว่า แต่สิ่งที่ทำให้มันเป็นสถานที่สุดสะพรึงไม่ได้อยู่ที่วงกลมปริศนาเพียงอย่างเดียว แต่ยังอยู่ที่บรรยากาศโดยรอบของป่าไม้ที่ขึ้นอย่างหนาแน่นส่งให้มันน่ากลัวโดยปริยาย


ภาพจาก costarica
เขตป่าเมฆ Monteverde ครอบคลุมพื้นที่กว่า 26,000 เอเคอร์ และยังมีระบบนิเวศน์ที่หลากหลาย โดยประกอบไปด้วยพืชกว่า 2,500 พันธุ์, สัตว์หายาก 100 ชนิด, นก 400 ชนิด และสัตว์เลื่อยคลานอีกกว่า 120 ชนิด รวมทั้งแมลงอีกกว่าพันชนิดเลย ซึ่งหากคุณเป็นนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ก็อย่าพลาดเลย โดยไฮไลท์ยังอยู่ที่สะพานแขวนที่เชื่อมจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง นับเป็นมุมที่ลงตัวทีเดียวหากใครอยากจะมาแชะภาพท่ามกลางธรรมชาติ


ป่าต้นไผ่ ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น ด้วยความยาวตลอดเส้นทางเดินกว่า 500 เมตร ถือเป็นทางเดินลี้ลับที่น่าค้นหาไม่น้อย ยิ่งเวลาได้เห็นต้นไผ่ลู่ไปตามลมที่พัดมาพร้อมกับเสียงกระทบกันของใบไผ่ บอกได้เลยว่าโรแมนติกสุด ๆ และป่าต้นไผ่นี้ยังมีความหมายแฝงถึง ไม่ว่าจะกี่ยุคสมัยแต่ที่นี่ยังคงเป็นสถานที่สุดพิเศษสำหรับคนทุกรุ่น


ภาพจาก Elizabeth Nicodemus
ป่าเยลโลวูด มีชื่อมาจากสีของต้นไม้ใบหญ้าที่มีสีเหลืองอร่ามสดใส และมันยังเป็นสถานที่ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องภูมิทัศน์อันงดงาม แต่สิ่งที่ยังคงเป็นที่น่าพิศวงและเป็นปริศนาทุกวันนี้ คือ ก้อนหินขนาดใหญ่ซึ่งมีน้ำหนักว่า 180 กิโลกรัม ตั้งอยู่บนต้นไม้ และแน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าทำไมมันจึงไปอยู่บนนั้นได้ บ้างก็สันนิษฐานว่าเป็นเพราะพายุทอร์นาโดที่พัดพาเอาก้อนหินขึ้นไปอยู่บนนั้น บ้างบอกว่าอาจเป็นเพราะมนุษย์ต่างดาว


ภาพจาก Gizmodo
ป่าโบราณ Wuda อยู่ทางตอนเหนือของประเทศจีน
มันเป็นป่าที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อ 300 ล้านปีก่อน
ทำให้เกิดเป็นที่ราบขนาดใหญ่จนมีต้นไม้ขึ้นปกคลุม
นักท่องเที่ยวและนักสำรวจนิยมที่จะมาชมความงดงามแปลกตาของผืนป่าแห่งนี้
พร้อมทั้งดูร่องรอยลาวาแข็งตัว
นอกจากนี้ยังพบสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ที่หาดูไม่ได้ในที่อื่นด้วย

ป่า Ardennes เป็นป่าที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์และมีความเป็นมาอันน่าสนใจตั้งแต่ปี ค.ศ. 1914 ที่มีการทำสงครามระหว่างประเทศที่ใช้พื้นที่บริเวณนี้เป็นทั้งฐานทัพและสถานที่ซึ่งถูกโจมตี และมากกว่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ คือ Ardennes ยังเป็นป่าที่มีทิวทัศน์งดงามอุดมไปด้วยแร่ธาตุและสัตว์ป่านานาชนิด
และนี่ก็เป็น 15 ป่าไม้น่าเที่ยวที่เราแนะนำกัน ซึ่งนอกจากจะน่าเที่ยวแล้วบางที่ยังแฝงไปด้วยความพิศวงที่ชวนให้คุณเข้าไปสัมผัส แต่อย่าลืมหัวใจสำคัญของการเที่ยวป่า นั่นก็คือ การช่วยกันอนุรักษ์แหล่งที่เที่ยวธรรมชาติเช่นนี้ให้อยู่คู่กับโลกของเราไปตราบนานเท่านาน


คุณกำลังดู: 15 ป่าน่าเที่ยว ที่มีทั้งความสวยงามและความพิศวง
หมวดหมู่: เที่ยวต่างประเทศ
แชร์ข่าว