ลัดเลาะเมืองเกาะในฝัน สัมผัสความสงบงามแห่งท้องทะเลตราด (ตอนที่ 1)
เรามีโอกาสได้เดินทางไปสำรวจแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดตราดร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตราด เลยอยากนำความประทับใจเหล่านั้นมาถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ ได้เชยชมกัน

สวัสดีมิตรรักนักท่องเที่ยวบนโลกโซเชียลกันอีกหน
ไม่ได้หายหน้าหายตาไปไหนพอดีได้มีโอกาสเดินทางไปสำรวจแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดตราดร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) สำนักงานตราด พร้อมกับชาว Blogger จากสื่ออื่น ๆ อีก 5
ชีวิตมาจ้า...ทางทีมงานพาไปตะลุยทั่วทุกอณูของจังหวัดถึง 5 วัน 4 คืน
กันเลยทีเดียวนะ
วันนี้กระปุกดอทคอมจึงถือโอกาสนำความประทับใจเหล่านั้นมาถ่ายทอดให้เพื่อน
ๆ ได้เชยชมกัน "เมืองเกาะในฝันต้องห้าม...พลาด"
แห่งนี้จะมีของดีอะไรซ่อนตัวอยู่บ้าง โปรดเก็บสัมภาระ
ผูกเชือกรองเท้าให้แน่น แล้วออกมาตะลุยลัดเลาะไปพร้อม ๆ
กับเราได้เลยค่ะ...
สำหรับเช้าวันออกเดินทางท้องฟ้าแจ่มใสมาก ๆ
มองไปทางไหนก็ดูสดชื่นไปเสียหมด อากาศช่างเป็นใจให้กับเราจริง ๆ
ทริปนี้เราได้รับการสนับสนุนการเดินทางจาก "สายการบิน Bangkok
Airways" ซึ่งเป็นสายการบินเดียวที่มีเที่ยวบินไปลงจังหวัดตราด
โดยในแต่ละวันจะมีประมาณ 3 เที่ยว เป็นเครื่องบินแบบ ATR 72-500 ขนาด
70 ที่นั่ง และถึงแม้จะเป็นเครื่องบินขนาดเล็กแต่ก็อบอุ่นไปด้วยผู้คน
มิตรภาพจากคนข้าง ๆ
และรอยยิ้มจากพนักงานต้อนรับที่ทำให้บรรยากาศบนเครื่องดูผ่อนคลายไม่อึดอัด
เครื่องบินลำน้อยเร่งเครื่องสุดพลัง
พร้อมพุ่งทะยานเหนือน่านฟ้าพาเรามุ่งหน้าสู่จังหวัดตราด
"เมืองเกาะในฝันต้องห้าม...พลาด"
ระหว่างทางคิดอะไรอยู่ในหัวมากมายหลายต่อหลายเรื่อง
และกำลังคิดหนักอยู่ว่าหลังจากที่เหยียบผืนแผ่นดินตราดแล้วจะสวยสมชื่อเมืองเกาะในฝันหรือไม่นะ
คิดไปเรื่อย ๆ พร้อมกับทานอาหารแสนอร่อยไปเพลิน ๆ
ไม่นานนักกัปตันก็ประกาศว่ากำลังจะนำเครื่องลงจอดเสียแล้ว
เหลือบไปดูนาฬิกาใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 50 นาที เท่านั้นเอง
ยังไม่ทันได้พักผ่อนสายตากันเลย เร็วมาก ๆ
หลังจากเครื่องลงจอดสนิทก็เก็บข้าวของลงมารอรับกระเป๋าสัมภาระ
ทางท่าอากาศยานจะมีรถมารอรับ เป็นรถรางน่ารักแบบหันหน้าชนกัน
ขนาดที่นั่งประมาณ 6-7 แถว
ไม่มีกระจกปิดกั้นเลยสามารถมองเห็นบรรยากาศสนามบินตราดได้โดยรอบ
รถรางพาเราถอยห่างออกมาจากเครื่องบินเรื่อย ๆ
ระหว่างทางลมเย็นเอื่อย ๆ ก็พัดโชยเอากลิ่นทะเลมากระทบที่ปลายจมูก
กระตุ้นเร้าให้รู้สึกสดชื่นได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
จะว่าไปท่าอากาศยานของที่นี่ดูกะทัดรัดน่ารักดีเหมือนกัน สะอาด
ร่มรื่น ลมพัดเย็นสบายตลอดเวลา แถมมีระบบการจัดการที่ดี
ตรงต่อเวลานักท่องเที่ยวไม่เสียเวลาคอยนาน เอ๊ะ !
ชักเริ่มรู้สึกประทับใจขึ้นมาแล้วเหมือนกันนะเนี่ย...
รอกระเป๋าเดินทางไม่นานนักก็เดินมารอทีมงานททท.ตราด
ที่จะมารับเราเพื่อออกเดินทางไปที่หมายต่อไป
สำหรับวันนี้จุดหมายปลายทางแรกของทริปก็คือ "เกาะหมาก"
ซึ่งเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างเกาะช้างกับเกาะกูด
ห่างจากฝั่งประมาณ 38 กิโลเมตร มีพื้นที่ 9,000 ไร่ มีรูปร่างคล้ายดาว
4 แฉก โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบชายฝั่งทะเล
หนาแน่นไปด้วยสวนมะพร้าวและสวนยางพารา โดยรอบของอ่าวมีชายหาดสวยงาม
มีน้ำทะเลสีสวยใส
และพรั่งพร้อมไปด้วยที่พักมากมายหลากหลายราคา
พบปะทักทายกับทางทีมงานททท.ตราด เรียบร้อย
ก็พากันเดินไปขึ้นรถตู้ที่จัดเตรียมไว้
พี่คนขับพาเรามุ่งหน้าสู่ท่าเรือด้วยความเร็วสูงแบบพุ่งทะยาน
เพราะกลัวจะไปขึ้นเรือไม่ทัน มันสุด ๆ จุดนี้
จากสนามบินตราดเราใช้เวลาเดินทางมาถึงท่าเรือกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
(แหลมงอบ) ประมาณ 30 นาที เพื่อมาขึ้นเรือของบริษัทลีลาวดี
ซึ่งเป็นเรือเร็ว (สปีดโบ๊ท) ที่จะไปเกาะหมากโดยเฉพาะ
ซึ่งท่าเรือแห่งนี้มีบริการเรือไปเกาะหมาก 2 เจ้า คือ เรือเร็วปาหนัน
(ขึ้นเกาะที่หน้าเกาะหมากรีสอร์ท อ่าวสวนใหญ่) และเรือเร็วลีลาวดี
(ขึ้นเกาะที่หน้ามากะธานีรีสอร์ท อ่าวขาว)
ใครสนใจเจ้าไหนก็ลองศึกษาข้อมูลก่อนการเดินทางกันได้
จากท่าเรือกรมหลวงชุมพรฯ
ใช้เวลาเดินทางมาเกาะหมากประมาณ 45 นาที
ระหว่างทางแอบเมาคลื่นลมนิดหน่อยเพราะยังปรับตัวไม่ค่อยได้
หลังจากนั้นไม่นานก็ชิล ๆ มองวิวด้านข้างไปเรื่อย ๆ
ก็พอสดชื่นขึ้นมาบ้าง ฝ่าด่านฟองคลื่นและลมทะเลมาสักพักเรือก็ค่อย ๆ
ชะลอตัวลงจนจอดเทียบที่ "ท่ามากะธานี"
บริเวณหน้ามากะธานีรีสอร์ท ก้าวขาลงแบบสั่นๆ ลงเหยียบพื้นดิน
พร้อมกับมองไปรอบ ๆ แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เพราะภาพแรกที่เห็นเบื้องหน้ามันสวยงามมากจริง ๆ
อากาศวันนี้ก็ช่างเป็นใจ ท้องฟ้าแจ่มใส น้ำทะเลสีสวยราวกับคริสตัลเลย
เริ่มจะเชื่อว่าเป็นเกาะในฝันจริง ๆ แล้วละสิ...


แต่ก่อนอื่นเราต้องเอาข้าวของสัมภาระเข้าไปเก็บที่พักกันก่อน
โดยจะมีเจ้าหน้าที่จากทางรีสอร์ทขับรถกระบะมีหลังคามารับเราที่ท่าเรือ
ซึ่งวันนี้พวกเราชาว Blogger ทั้ง 6 ชีวิตแบ่งเป็นผู้หญิง 2 คน ผู้ชาย
4 คน ฝ่ายหญิงซุกตัวนอนกันที่ "Seavana Beach Resort Kohmak"
รีสอร์ทสุดหรู เคียงคู่ธรรมชาติ พร้อมวิวทะเลหน้าที่พัก
สามารถมองเห็นเกาะขามฝั่งตรงข้ามได้ชัดเจน
ทั้งนี้นักท่องเที่ยวท่านใดสนใจเดินทางไปเกาะขาม
สามารถขึ้นเรือบริเวณที่พักได้เลย โดยจะเสียค่าขึ้นเกาะคนละ 100 บาท
สามารถเดินไปดูหินภูเขาไฟที่ตั้งตระหง่านโผล่พ้นน้ำทะเล แชะภาพสวย ๆ
ลงโซเชียลกันได้ ส่วนฝ่ายชายถูกแบ่งไปที่ "เกาะหมาก รีสอร์ท"
ใกล้ ๆ วิวสวยไม่แพ้กัน
เข้ามาถึงรีสอร์ทไม่ทันไร
แต่ละคนก็แทบจะไม่สนใจสัมภาระของตัวเองแม้แต่น้อย
เพราะมัวแต่ตื่นเต้นและตกตะลึงกับวิวสุดอลังการที่ยืนตระหง่านอวดโฉมอยู่เบื้องหน้า
ต่างพากันหยิบกล้องตัวโตคู่ใจเล็งหามุมโปรดจนลืมไปว่าต้องเอาสัมภาระเข้าไปเก็บภายในห้องพัก
ทานอาหารกลางวัน และต้องเดินทางไปจุดหมายปลายทางต่อไป





หลังจากเก็บภาพรอบ ๆ รีสอร์ท เอาของไปกองไว้ในห้องพัก
พร้อมกับอิ่มหนำสำราญกับอาหารกลางวันแสนอร่อยที่ทางรีสอร์ทจัดให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทางทีมงานก็พาเราออกเดินทางต่อไปยัง "จุดชมวิวไทดาโฮ"
บริเวณอ่าวสวนใหญ่ ด้านหน้าไทดาโฮรีสอร์ท
ที่นี่คุณจะได้ดื่มด่ำกับทัศนียภาพของเวิ้งอ่าวที่สวยงาม
สามารถมองเห็นเกาะขามและท้องทะเลสีฟ้าครามแบบกว้างไกลสุดสายตา
หากโฟกัสสายตากันอีกสักนิดก็จะมองเห็นเรือยอร์ชสีขาวลอยลำประดับผืนทะเลอยู่ไกล
ๆ ช่วยให้ท้องทะเลดูไม่เงียบเหงา
นับเป็นจุดชมวิวที่มีทัศนียภาพที่สวยงดงามเกินคำบรรยายจริง ๆ
เก็บภาพกันอยู่นานก็ได้เวลาออกเดินทางไปเพิ่มองค์ความรู้และย้อนรำลึกถึงประวัติความเป็นมาของเกาะหมากกันที่
"พิพิธภัณฑ์เกาะหมาก"
ซึ่งเป็นเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงข้อมูลและองค์ความรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวเกาะหมาก
ขนบธรรมเนียมประเพณี ข้าวของเครื่องใช้ ของสะสมโบราณ ฯลฯ
อันเป็นเอกลักษณ์และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาวเกาะหมากในอดีต โดยมี
"นายธานินทร์ สุทธิธนกูล" (รุ่นหลาน)
เป็นผู้ดูแลและคอยให้ข้อมูลความรู้แก่นักท่องเที่ยว
ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะเปิดประตูให้มาเติมความรู้กันทุกวัน
โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่กันนานพอสมควรได้รับความรู้ใหม่ ๆ
แบบเต็มกระบุง
วิทยากรท่านสามารถสอดแทรกแนวความคิดที่คนรุ่นใหม่อย่างเราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้แบบง่าย
ๆ โดยเฉพาะในเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อม การใช้ชีวิตแบบโลว์คาร์บอน
(Low Carbon) การช่วยเหลือผู้อื่นยามเดือดร้อน
การแบ่งปันซึ่งกันและกัน การเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
การเห็นความสำคัญของสิ่งของใกล้ตัว ฯลฯ
ซึ่งตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์หลังนี้รับรู้ตัวเองได้ทันทีเลยว่าความสุขแปดเปื้อนไปทั่วทั้งตัวเลยทีเดียว
หลังจากพกความรู้และความสุขใส่กระเป๋ามาเรียบร้อย
ชีพจรก็ลงเท้าพวกเรากันต่อ วันนี้ทั้งวันใช้ชีวิตแบบมาราธอนกันสุด ๆ
ขึ้นรถลงเรือกันสนุกสนานชนิดที่เรียกว่าเอาให้ตายกันไปข้างนึงเลยทีเดียว
ซึ่งเป้าหมายที่เราจะไปถัดจากนี้คือ "The Cinnamon Art Resort and
Spa" เพื่อมาชม "สะพานสู่ฝัน"
สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในเกาะหมาก โดยมีความยาวถึง 500 เมตร
นับเป็นไฮไลท์สุดเด็ดที่มาถึงเกาะหมากต้องห้ามพลาด !
โดยรอบบริเวณมีทิวทัศน์ที่สวยงาม ลมพัดเย็นสบาย
สามารถมองเห็นวิวของเกาะรอบ ๆ ได้ โดยเฉพาะ
"เกาะกระดาด"ซึ่งเป็นเกาะที่มีความพิเศษตรงที่บนเกาะจะมีกวางเขาสวยนับ
100 ตัวอาศัยอยู่ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้แวะเฉียดไปเชยชม
ทีมงานททท.ตราด ปล่อยให้พวกเราชิล ชม
รับลมทะเลอยู่ที่นี่กันจนตะวันลาลับขอบฟ้า
ความเหนื่อยล้าของเราก็เริ่มโรยราไปตามแสงอาทิตย์
น้ำย่อยในท้องก็เริ่มตอกบัตร
สิ้นแสงสุดท้ายของวันไม่นานนักพวกเราก็เก็บกระเป๋าพร้อมสะพายกล้องคู่ใจกระโดดขึ้นรถกระบะคันเก่ง
เพื่อออกเดินทางไปยังที่พัก และทานอาหารค่ำริมทะเลร่วมกัน...
อาหารค่ำวันนี้อร่อยมากมีให้เลือกหลากหลายเมนู
ทุกจานสด สะอาด รสชาติดี พนักงานบริการยอดเยี่ยม
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความสุข ทุกคนเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น
ถึงแม้ทั้งวันจะไปเผชิญความท้าทายกันมาหลายที่ แต่พอมาเจอมิตรภาพดี ๆ
เหล่านี้ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ก็พอช่วยคลายความเหนื่อยล้าลงไปได้มากเลยทีเดียว...ช่างเป็นหนึ่งวันที่แสนสุขใจเสียจริง
ๆ
ของดียังงัดออกมาไม่หมด
เมืองต้องห้าม...พลาดแห่งนี้ยังมีอะไรเด็ด ๆ
ที่เป็นที่สุดซุกซ่อนตัวอยู่อีกมากมาย
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ขอบคุณข้อมูลจาก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตราด
คุณกำลังดู: ลัดเลาะเมืองเกาะในฝัน สัมผัสความสงบงามแห่งท้องทะเลตราด (ตอนที่ 1)
หมวดหมู่: ทะเล
แชร์ข่าว